กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514

พระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ปิโตรเลียมเป็นของรัฐ ผู้ใดสำรวจหรือผลิต ปิโตรเลียมต้องได้รับสัมปทาน ซึ่งผู้รับสัมปทานจะต้องเป็นบริษัทและมีทุน เครื่องมือ และผู้เชี่ยวชาญเพียงพอที่จะสำรวจ ผลิต ขาย และจำหน่าย ปิโตรเลียมได้ และเมื่อได้รับสัมปทานแล้วจะต้องปฎิบัติตามระเบียบ กฎเกณฑ์ รายละเอียดต่างๆในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมการ เก็บรักษาการขนส่ง และการจำหน่ายปิโตรเลียม

 

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติยังกำหนดถึงประโยชน์ สิทธิและหน้าที่ของผู้รับ สัมปทานรวมทั้งข้อจำกัดสิทธิในการส่งปิโตรเลียมออกนอกราชอาณาจักรใน กรณีจำเป็นเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศหรือเพื่อให้มีปิโตรเลียมเพียง พอกับความต้องการใช้ภายในราชอาณาจักรและเมื่อผู้รับสัมปทานดำเนินการ ผลิตแล้วจะต้องชำระค่าภาคหลวงเป็นตัวเงินหรือเป็นปิโตรเลียมตามมูลค่าของปิโตรเลียมที่ขายหรือจำหน่ายและชำระภาษีเงินได้ปิโตรเลียมในอัตราที่ กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาสำหรับบทลงโทษนั้น ได้กำหนดโทษปรับและ โทษจำคุก รวมทั้งการเพิกถอนสัมปทาน เมื่อผู้รับสัมปทานไม่ปฎิบัติตามบท บัญญัติของกฎหมายและข้อกำหนดในสัมปทานด้วย

 

พระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย พ.ศ. 2533

พระราชบัญญัตินี้ได้ตราขึ้นสืบเนื่องจากได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย เกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเล ในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทย เมื่อวันที่ 21กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 และต่อมาได้มีการลงนามในความตกลงว่าด้วยธรรมนูญและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดตั้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซียระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 ซึ่งตามความตกลงดังกล่าวมีข้อกำหนดด้วยว่าทั้งสองประเทศจะต้องออก กฎหมายอนุวัตรการก่อตั้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย โดยมีสาระสำคัญเหมือนกันและประกาศใช้บังคับพร้อมกันด้วย

 

พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย เป็นนิติบุคคลและมีภูมิ-ลำเนาในราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย โดยให้มีสิทธิในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและผลประโยชน์ที่ได้รับจากการประกอบกิจการ รัฐบาลทั้งสองจะรับภาระและแบ่งปันเท่าๆ กัน โดยในการดำเนินการสำรวจและแสวงประโยชน์ข้างต้น องค์กรร่วมโดยความเห็นชอบของรัฐบาลทั้งสองสามารถทำสัญญากับบุคคลอื่นเพื่อให้สิทธิในการดำเนินกิจการดังกล่าว โดยผู้ได้รับสัญญาจะต้องชำระค่าภาคหลวงจำนวนร้อยละสิบของ ผลผลิตรวมของปิโตรเลียมให้แก่องค์กรร่วม โดยผู้ได้รับสัญญามีสิทธิหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 50 ผลผลิตที่เหลือจะแบ่งให้แก่องค์กรร่วมและผู้ได้รับสัญญาฝ่ายละเท่าๆกัน นอกจากนี้พระราชบัญญัติดังกล่าวยังกำหนดเกี่ยวกับจำนวนเงินขั้นต่ำที่ผู้ได้รับสัญญาจะต้องใช้จ่ายในการประกอบกิจการปิโตรเลียมตามสัญญาเงินบำรุงการวิจัยให้แก่องค์กรร่วมการระงับข้อพิพาท โดยอนุญาโตตุลาการ การออกกฎกระทรวงและเขตอำนาจทางแพ่งและทางอาญาของราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย ซึ่งไม่รวมถึงเขตอำนาจในเรื่องที่เกี่ยวกับศุลกากรสรรพสามิตและภาษีอากร

พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล พ.ศ. 2530

พระราชบัญญัตินี้กำหนดให้สถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลและเขตปลอดภัยให้ถือว่าอยู่ในราชอาณาจักร และการกระทำความผิดตามกฎหมายไทยที่เกิดขึ้นบนเหนือหรือใต้สถานที่ผลิตปิโตรเลียม ในทะเลหรือในเขตปลอดภัยให้ถือว่าได้กระทำการในราชอาณาจักร โดยให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดหรือยกเลิก เขตที่ตั้งและเขตปลอดภัยของสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลรวมทั้งกำหนดหรือยกเลิกเขตท่อรวมทั้งอุปกรณ์ของท่อที่ใช้ในกระบวนการผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลที่อยู่นอกเขตปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารเรือไทยมีอำนาจสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นเพื่อป้องกันและระงับการกระทำที่ เป็นการก่อวินาศกรรมสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีป

 

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติดังกล่าวยังกำหนดรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ เพื่อความจำเป็นในการปฏิบัติ เช่น การตรวจและค้นเรือหรืออากาศยาน การสอบสวนและควบคุมเรือหรืออากาศยาน ผู้ควบคุม เรือหรืออากาศยานบุคคลในเรือหรืออากาศยาน เป็นต้น

 

รวมทั้งกำหนดให้การเดินเรือในเขตปลอดภัยต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเว้นแต่เป็นเรือของทางราชการเรือของผู้รับสัมปทาน หรือเรือของผู้รับจ้างเหมาของผู้รับสัมปทาน ประกาศของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 331 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ประกาศฉบับนี้ได้กำหนดขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายที่จะให้เอกชนได้เข้ามาลงทุนหรือร่วมทุนกับกรมการพลังงานทหารกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียม เพื่อทำการสำรวจและผลิต ปิโตรเลียมในบริเวณพื้นที่ ซึ่งกรมการพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหมได้รับมอบหมายให้ดำเนินการประกาศฯ ฉบับนี้กำหนดให้ผู้ลงทุนหรือร่วมทุนได้รับประโยชน์สิทธิตลอดจนมีหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับสัมปทานตาม พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ. ศ. 2514.