กรมพัฒนาพลังงานทดแทน แลเะอนุรักษ์พลังงาน
พระราชบัญญัติการพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน พ.ศ. 2535
พระราชบัญญัตินี้กำหนดอำนาจหน้าที่ของกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานในปัจจุบัน) ในด้านการสำรวจ รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และตรวจสอบเกี่ยวกับพลังงานในแง่ของแหล่งพลังงาน การกำกับดูแล ปฏิบัติการ และกำหนดระเบียบและมาตรฐานเกี่ยวกับการผลิตการส่งและการจำหน่ายพลังงาน และการเปลี่ยนประเภทของวัตถุดิบหรือวัตถุธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตพลังงานโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ พระราชบัญญัติยังกำหนดรายละเอียดและขั้นตอนในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานอาจมอบให้หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติการแทนได้ กำหนดให้มีการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดให้พลังงานไฟฟ้าซึ่งขนาดการผลิตรวมของแต่ละแหล่งผลิต ตั้งแต่ 200 กิโลโวลต์แอมแปร์ ขึ้นไปเป็นพลังงานควบคุม โดยผู้ผลิตหรือการขยายการผลิตพลังงานควบคุมจะต้องได้รับใบอนุญาต และกำหนดห้ามการกระทำใดๆ อันเป็นการขัดขวางต่อการผลิตพลังงานควบคุม หรือทำให้การผลิตพลังงานควบคุมน้อยลงโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งผู้กระทำผิดต้องระวางโทษทั้งจำและปรับ
พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
พระราชบัญญัติได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบในเรื่องเกี่ยวกับนโยบายอนุรักษ์พลังงาน เป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน การตรวจสอบและวิเคราะห์การอนุรักษ์พลังงาน และวิธีปฎิบัติในการอนุรักษ์พลังงาน นอกจากนี้ พระราชบัญญัตินี้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับระดับการใช้พลังงานในเครื่องจักรและอุปกรณ์ในสถานที่ต่างๆ เช่น อาคาร โรงงาน เป็นต้น การให้เจ้าของโรงงานควบคุมตามพระราชกฤษฎีกาต้องอนุรักษ์พลังงาน และตรวจสอบ และวิเคราะห์การใช้พลังงานของตนให้เป็นไปตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง การส่งข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตการใช้และการอนุรักษ์พลังงาน และการ จดบันทึกข้อมูลการใช้พลังงาน ในการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว พระราชบัญญัติได้กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในกระทรวงการคลังเพื่อให้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่าย ช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานการป้องกัน และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงาน การกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการผลิตเครื่องจักรอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงหรือวัสดุเพื่อใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน โดยให้เจ้าของโรงงานควบคุมจัดส่งเงินเข้ากองทุนตามอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด ซึ่งการไม่ส่งเงินเข้ากองทุนหรือส่งเงินไม่ครบจะมีโทษทั้งจำและปรับ พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย เป็นนิติบุคคลและมีภูมิ-ลำเนา ในราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย โดยให้มีสิทธิในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่ไม่มีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและผลประโยชน์ที่ ได้รับจากการประกอบกิจการ รัฐบาลทั้งสองจะรับภาระและแบ่งปันเท่าๆ กัน โดยในการดำเนินการสำรวจ และแสวงประโยชน์ข้างต้น องค์กรร่วมโดยความเห็นชอบของรัฐบาลทั้งสองสามารถทำสัญญากับบุคคลอื่น เพื่อให้สิทธิในการดำเนินกิจการดังกล่าว โดยผู้ได้รับสัญญาจะต้องชำระค่าภาคหลวงจำนวนร้อยละสิบของ ผลผลิตรวมของปิโตรเลียมให้แก่องค์กรร่วม โดยผู้ได้รับสัญญามีสิทธิหักค่าใช้จ่ายได้ ไม่เกินร้อยละห้าสิบ ผลผลิตที่เหลือจะแบ่งให้แก่องค์กรร่วมและผู้ได้รับสัญญาฝ่ายละเท่าๆ กัน
นอกจากนี้ พระราชบัญญัติดังกล่าวยังกำหนดเกี่ยวกับจำนวนเงินขั้นต่ำที่ผู้ได้รับสัญญาจะต้อง ใช้จ่ายในการประกอบกิจการปิโตรเลียมตามสัญญา เงินบำรุงการวิจัยให้แก่องค์กรร่วม การระงับข้อพิพาท โดยอนุญาโตตุลาการ การออกกฎกระทรวงและเขตอำนาจทางแพ่งและทางอาญาของราชอาณาจักรไทยและ มาเลเซียซึ่งไม่รวมถึงเขตอำนาจในเรื่องที่เกี่ยวกับศุลกากรสรรพสามิต และภาษีอากร พระราชกฤษฎีกากำหนดพลังงานควบคุม พ.ศ. 2497